Tuesday, February 8, 2011

Song Mood and Love


กรี๊ดดดดดดดดด!!!

อะไรคะ เกิดอะไรขึ้น! 

ครูกำลังสอนนักเรียนชั้นม.1 เกี่ยวกับอิทธิพลของดนตรีที่มีต่ออารมณ์และความรู้สึก แล้วก็มอบหมายให้นักเรียนเขียนเนื้อเพลงที่ตนเองชื่นชอบ 1 ท่อน พร้อมกับให้บรรยายอารมณ์และเนื้อหาของเพลงนั้นๆ หลังจากนั้นครูก็เปิดเพลงนี้เป็นตัวอย่างเพื่อจะบอกเล่า พูดคุย เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกของเพลง ทันใดนั้นเองเสียง "กรี๊ดดดดดด" ก็ดังขึ้น ทำให้สายตาทุกคู่หันไปมองหาที่มาของเสียงร้องนั้น เจ้าของเสียงเป็นเด็กผู้หญิงน่าตาน่ารักมาก แต่กำลังกรีดร้อง พร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้นปิดหู ส่ายหน้า พร้อมกับร้องเสียงหลงว่า "ไม่เอา ไม่ฟัง" ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น แล้วน้ำตาหยดเล็กๆ ก็ไหลริน ...

พอเริ่มจะสงบสติอารมณ์ได้ เธอก็บอกกับครูว่าทนฟังเพลงเมื่อสักครู่ไม่ได้ เพราะมันไปกระทบกับความรู้สึกของเธอที่เคยมีต่อคนๆ หนึ่ง เธอบอกกับครูว่า... 

"หนูต้องฟังเพลงนี้ถึงจะตรงกับอารมณ์หนูที่สุดค่ะ"


เด็กผู้หญิงที่อายุเพียงแค่ 12-13 ปีเท่านั้น แต่ได้รู้จักกับความรักแบบหญิงชาย ที่เต็มไปด้วยความสุขเมื่อสมหวัง และเต็มไปด้วยความทุกข์เมื่อผิดหวัง ... ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยมีประสบการณ์ทั้งทุกข์และสุขกับความรัก สิ่งที่รบกวนในจิตใจตลอดเวลาก็คือ เด็กผู้หญิงอายุเพียงแค่นี้จะผ่านพ้นความรู้สึกเศร้าโศก และหดหู่นี้ไปได้อย่างไร เธอจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะลุกขึ้นได้อีกครั้ง ใครจะช่วยเธอให้ผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้ ...

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรักระหว่างชายหญิงนั้น เป็นความรักที่คนส่วนใหญ่ต้องได้ประสบพบเจอ ไม่เลือกวัย ไม่เลือกฐานะ ... ความรักนั้นอาจเป็นได้ทั้งรักที่สมหวัง รักที่ไม่คาดหวัง รักที่รอคอย และรักที่ไม่เป็นไปดั่งหวัง เมื่อเราไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ในสถานการณ์นั้น เราอาจพูด และให้คำแนะนำได้ว่าต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ แต่เมื่อใดก็ตามที่ตัวเราเองตกอยู่ท่ามกลางวังวนนี้ เราอาจกลายเป็นคนตาบอด ความถูกต้องเหมาะสม กาละเทศะ การควรไม่ควร สิ่งเหล่านี้ถูกมองข้ามไป... เปรียบได้กับ การมองดูกระจกเงา หากเราขยับเข้าไปมองใกล้ๆ จนหน้าเกือบจะชิดกระจก เราจะมองเห็นเฉพาะจุดๆ เดียว แต่หากเราขยับออกมายืนให้ห่างกระจก เราจะเห็นอะไรชัดเจนขึ้น กระจ่างขึ้น และเห็นภาพรวมทั้งหมดมากขึ้น ตาของเราก็จะไม่มืดมัว และเมื่อนั้นแหล่ะ เราก็น่าจะค้นเจอเหตุผล และสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเหมาะสมมากขึ้น และเติบโตขึ้น ...สมกับคำที่ผู้รู้ทั้งหลายได้กล่าวไว้ ...เวลาจะช่วยรักษาแผลใจ... ประสบการณ์จะสอนให้เราเติบโตและเข้มแข็งขึ้น ... และอื่นๆ อีกมากมาย

หากเราสังเกตรอบตัวเรา เราคงจะได้เห็นคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ไม่มากก็น้อย สิ่งหนึ่งที่เราทำได้ ก็คงเป็นการรับรู้ ช่วยเหลือ ดูแล ประคับประคอง และเป็นกำลังใจให้เค้าเหล่านั้น สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาอันหม่นมัวไปได้ เพื่อที่ว่าเราจะได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่เปื้อนน้ำตานั้นอีกครั้ง...

ขอมอบเพลงนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้ค่ะ


ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อนะคะว่า "เพลง" มีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคนฟังได้มากมายจริงๆ ทั้งด้วยตัวเนื้อหาของเพลง และท่วงทำนองของเพลง ทำให้แตะต้องสัมผัสจิตใจคนฟังให้รับรู้และคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย ...เพราะฉะนั้น ผู้ฟังและนักฟังเพลงทั้งหลาย ก็ควรจะต้องมีวิจารณญาณให้ดีนะคะว่า ช่วงไหน อารมณ์ไหน ควรฟังเพลงประเภทใด ... เมื่อท้อแท้ เบื่อหน่าย ก็คงต้องหาฟังเพลงที่ทำให้สดชื่น กระฉับกระเฉง และสนุกสนาน ... เมื่อเคร่งเครียด เหน็ดเหนื่อย ก็หาเพลงเย็นๆ เบาๆ เพื่อจะได้รู้สึกสงบ และผ่อนคลาย ... น่านะ ไหนๆ จะฟังเพลงแล้ว ก็ต้องให้มีประโยชน์บ้างซิคะ ไม่งั้นจะฟังทำไม ...

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ... เพลงที่เราชอบฟัง หรือชอบร้อง จะบ่งบอกถึงบางสิ่งที่อยู่ในความคิดและความสนใจของเรา ในช่วงเวลานั้นๆ... ลองสังเกตตัวคุณเองซิคะว่าจริงมั๊ย?



1 comment:

  1. ติ๊กๆต๊อกๆ (น่ารักจริง) เพลงของเด็กๆนี่แอบไปเอามาจากลิสต์ของลูกสาวหรือเปล่าครับครูเล็ก

    ReplyDelete