Monday, January 2, 2012

The most Powerful Book in my life!

http://bikyamasr.com/16826/forged-bible-has-egyptian-christians-angered

หนังสือ เป็นเพื่อน เป็นคู่คิด และเป็นอาหารอันโอชะ  ~

หนังสือที่พูดถึงในที่นี้ ขอยกเว้นพวกหนังสือเรียนและตำราวิชาการต่างๆ ไว้ เป็นข้อตกลงเบื้องต้นว่า เราทุกคนต้องหมั่นศึกษา ค้นคว้า เพื่อการเรียนรู้อยู่แล้ว จึงขอไม่พาดพิงถึงหนังสือประเภทนี้นะคะ ...

ในสมัยเด็กนั้น เพื่อจะได้อ่านหนังสือที่ชอบ ถึงกับยอมอดออมเงินค่าขนม เพื่อจะได้มีเงินไปเช่าหนังสือ ทุกครั้งที่สอบไล่ปลายภาคเสร็จ สิ่งแรกที่ทำคือ ไปร้านเช่าหนังสือค่ะ ...หนังสือที่เช่ามาอ่านก็จะมีหลายแนวมาก ตั้งแต่หนังสือการ์ตูนพวกโดเรมอน อาราเร่ แคนดี้ ไปจนถึง คำสาปฟาโรห์ อ่านเรื่อยเรียงไปจนถึงนวนิยายไทย นวนิยายแปล ซึ่งก็อ่านหมดทุกแนวอีกเช่นกัน ทั้งสืบสวนสอบสวน ลึกลับ วิทยาศาสตร์ หรือโรแมนติค...เวลาอ่านหนังสือจะเป็นเวลาที่ไม่อยากให้ใครมารบกวนเลย เพราะใครมาพูดมาคุยด้วย จะไม่ได้ยินอะไรใดใดทั้งสิ้น จะเหมือนหายไปอยู่อีกโลกหนึ่ง บ่อยครั้งที่อ่านหนังสือจนเลยเวลาอาหาร เลยเวลานอน และอีกบ่อยครั้งเหมือนกันที่นั่งหัวเราะเอิ้กอ๊าก หรือนั่งน้ำตาไหลพรากๆ เพราะกำลัง "อิน" กับเนื้อเรื่องสุดสุด ...หนังสือเหล่านี้ยอมเสียเงินเช่ามาอ่าน แต่ไม่ซื้อค่ะ -/\-

หนังสือบางประเภทที่ชอบอ่าน ชอบดู ไม่ชอบซื้อ นานๆ ถึงจะซื้อซักเล่ม ได้แต่ยืมของคนอื่นอ่าน นั่นก็คือ หนังสือพวก นิตยสารแฟชั่น วาไรตี้ หรือหนังสือรายปักษ์ รายเดือนทั้งหลาย หนังสือพวกนี้เห็นเป็นไม่ได้ ต้องหยิบขึ้นมาอ่าน มาดู เพราะการออกแบบหน้าปก การจัดวางเนื้อหา และภาพ สวย เก๋ สีสันสดใส ผลิตจากกระดาษคุณภาพสูง เนื้อหาสาระข้างในก็ไม่อัดแน่นมาก มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้เรียนรู้อยู่เรื่อยๆ แต่ก็งก ไม่ค่อยจะยอมเสียเงินซื้อหนังสือเหล่านี้...ทำไมถึงงกกับหนังสือพวกนี้ก็ไม่รู้นะคะ

ส่วนหนังสือที่ไม่ยอมเช่า แต่ยอมเสียเงินซื้อเก็บไว้ จะเป็นหนังสือ หรือนิตยสาร ประเภทที่ให้สาระ ความรู้ ความบันเทิง แบบอ่านได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ ไม่มีการล้าสมัย แถมไม่พอควรจะเป็นหนังสือที่เป็นประโยชน์ต่อทุกเพศ ทุกวัย ดังเช่น หนังสือพวกวรรณกรรมเยาวชนต่างๆ อาทิ Harry Potter, The Lord of the Rings, Eragon, A Tale of Two Cities, Oliver Twist, Pride and Prejudice ถ้าเป็นนิตยสารก็พวก นิตยสารรักลูก สารคดี ท่องเที่ยว ทำอาหาร เหล่านี้เป็นต้น แต่ก็จะไม่ซื้อในราคาเต็มอีกเช่นกัน ต้องรอช่วงเทศกาลหนังสือที่มีช่วงลดราคาประมาณนั้น

หนังสือที่ยอมซื้อในราคาเต็ม โดยไม่ต้องรอช่วงลดราคา แถมยังซื้อไว้หลายเล่ม หลายขนาด หลายรูปแบบ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน และการพกพาไปอ่านยังที่ต่างๆ ได้ นั่นก็คือ พระคัมภีร์
http://plusthings.com/amazing-the-bible-analyzed-by-computer

พระุคัมภีร์ เปรียบเสมือนหนังสือที่มีชีวิต เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน เดือน ปี ก็ยังเป็นจริง ทันสมัย อ่านซ้ำได้ทุกวันไม่มีเบื่อ อ่านเมื่อใดก็ให้ข้อคิด คติเตือนใจ ที่เอามาใช้กับการดำเนินชีัวิตได้ในทุกๆ วัน..บางครั้งเมื่อชีวิตต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่เหนื่อย เบื่อ เหงา เศร้า พอได้อ่านพระคัมภีร์ก็จะได้คำตอบที่ช่วยให้เข้มแข็งขึ้น มีกำลังขึ้น เข้าใจโลก เข้าใจผู้อื่น และที่สำคัญเข้าใจตนเองมากยิ่งขึ้น..บางครั้งเมื่อชีวิตเดินทางไปสู่ช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน แวดล้อมไปด้วยคนที่รักและเข้าใจ และทุกสิ่งดูช่างสวยงามไปหมด พระคัมภีร์ก็เตือนสติให้เข้าใจสัจธรรมของวาระ และเวลา ไม่ให้เราทำตัวหลงพองฟู แล้วต้องกลับมาแฟบลงอย่างไม่เข้าใจ...ช่วยทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น วันละเล็กละน้อยทุกวันเรื่อยไป

มาถึงตรงนี้ ทุกคนคงอยากทราบแล้วใช่มั๊ยคะว่า จริงหรือ? เลยขอยกตัวอย่างพระคัมภีร์ซักตอนนึง ที่มักจะเอามาใช้เสมอเวลาต้องข้องเกี่ยวกับผู้คน ไม่ว่าจะกับคนที่รัก คนที่เคารพ คนที่เอ็นดูเรา คนที่เราเอ็นดูเขา คนที่เราใส่ใจเขาแต่เขากลับไม่ใส่ใจเรา คนที่เราแค่รู้จัก และคนที่เราแทบจะไม่รู้จัก นั่นก็คือ ข้อพระคัมภีร์ตอนที่ว่า..
http://love-is-a-promise.webnode.com/news/what-is-love-1

"ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเีฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง"

ในชีวิตประจำวันของเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศใด วัยใด ต่างต้องได้ประสบพบเจอกับสิ่งที่เรียกว่า ~ ความรัก ~ หลายๆ คนบอกว่า ความรักมีหลากหลายรูปแบบ ความรักของพ่อแม่กับลูก ความรักของพี่น้อง ความรักของเพื่อน และความรักของหนุ่มสาว แต่อยากบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นความรักในรูปแบบไหน ก็หนีไม่พ้นในแต่ละวรรคของพระคัมภีร์ตอนนี้ที่เราต้องเผชิญ ลองอ่านและทบทวนดูทีละวรรคซิคะ แล้วจะรู้ว่า เป็นจริงเพียงใด...

บางคนเคยสงสัยและถามว่า ทำไมถึงทำได้ รักได้ แม้เค้าไม่น่ารัก ...รักคนที่ดีต่อเรา อดทนต่อคนที่ดีต่อเรา ง่ายกว่าเป็นไหนๆ ใช่มั๊ยคะ...แต่คนที่ไม่ดีกับเรา ทำไมเราถึงรักเค้าได้ อดทนต่อเค้าได้ อภัยให้เค้าได้ และพยายามมองหาสิ่งดีอื่นๆ ในชีวิตของเค้าได้..อยากบอกว่า ที่ทำได้ก็เพราะตัวเองเคยได้รับความรักแบบนี้มาก่อน จึงทำให้สามารถมอบความรักแบบนี้กับคนอื่นๆ ได้ค่ะ

ขออีกหนึ่งตัวอย่างนะคะ เป็นตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นซักครั้งในชีวิตของพวกเราทุกคนเช่นกันค่ะ..นั่นก็คือ ในวันที่ชีวิตต้องเผชิญกับสถานการณ์หรือภาวะอันตึงเครียด ภาวะที่เราไม่อาจคาดเดาผลที่จะเกิดขึ้นได้ เช่น การที่ต้องไปสัมภาษณ์เข้าเรียนต่อ หรือสัมภาษณ์เข้าทำงาน ในที่ที่เราต้องการสุดสุด เฉพาะการสัมภาษณ์เท่านั้นนะคะ ไม่เกี่ยวกับการสอบข้อเขียน เพราะผลของการสอบข้อเขียนนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผลที่เกิดขึ้นตามมาจากความมานะพยายามของเราเป็นหลัก แต่การสัมภาษณ์มันต่างออกไป.. เชื่อมั๊ยคะ แม้เราจะคิดว่าตัวเองได้เตรียมตัวเตรียมใจซักซ้อมมาแล้วเป็นอย่างดี แต่เราทุกคนก็คงรู้สึกเครียด ประหม่า และหวั่นวิตกไปต่างๆ นาๆ ไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาอย่างที่เราหวังมั๊ย ..มีข้อพระคัมภีร์ตอนนึงช่วยได้มากในสถานการณ์แบบนี้.."องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นพระผู้ช่วยของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่กลัว มนุษย์จะทำอะไรแก่ข้าพเจ้าได้เล่า" .. แค่นี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เราสามารถก้าวเข้าสู่สมรภูมิที่ต้องถูกจ้องมองจากคนที่จะตัดสินอนาคตของเราได้อย่างฮึกเฮิมและมั่นใจยิ่งขึ้น ไม่กังวลกับสิ่งใดๆ แค่ทำให้เต็มที่ก็เพียงพอแล้ว เพราะรู้แน่แก่ใจว่ามีผู้ช่วยที่ยิ่งใหญ่อยู่เคียงข้าง

ดังนั้น สำหรับตัวเองแล้ว พระคัมภีร์ จึงเป็นหนังสือที่มีอิทธิพลและจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน เพื่อน คู่คิด และอาหารที่ต้องรับประทานทุกวันเรื่อยไป จึงไม่น่าประหลาดใจใช่มั๊ยคะ ถ้าจะบอกว่า พระคัมภีร์เป็นหนังสือเล่มเดียวที่หาซื้อไว้หลายเล่ม หลายขนาด มีทั้งฉบับภาษาไทย และภาษาอังกฤษ แถมยังชอบซื้อ และบอกต่อให้กับหลายๆ คน เพื่อส่งต่อคุณค่าและความดีงามให้กับคนที่รักอีกด้วย

แหล่งศึกษาเพิ่มเติมอื่นๆ ...
http://www.rbcthailand.org/odb/category/odb/
http://www.followhissteps.com/web_christianstories/amazinglife22.html
http://www.suburbanchurch.com/
http://jurino.com/2011/01/17/3-minimalist-lessons-from-the-bible/

ความคิดเห็นอื่นๆ เกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ที่ตนชื่นชอบ เชิญติดตามจาก My Student's blogs ด้านขวามือนะคะ