Monday, March 18, 2013

Surprised and Proud




ในภาคเรียนที่ 2/2555 นี้ อาจารย์ได้รับประสบการณ์หนึ่งที่แสนจะประทับใจ จากสอนในรายวิชา การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ให้กับนิสิตสาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา ชั้นปีที่ 3 ภายใต้รั้วมศว (#endu) แห่งนี้ เพราะนอกเหนือจากการได้เห็นนิตยสารที่สุดยอด (#awesome) ทั้งเก้าเล่มนี้แล้ว สิ่งที่ภูมิใจ ประทับใจ และถือเอาเป็นความสำเร็จของการสอนในรายวิชานี้ก็คือ การได้เห็นนิสิตทั้งหลาย...
(อาจารย์ถือโอกาสนี้นำชื่อนิตยสารมาสอดแทรกไว้ในเนื้อหา เพื่อให้คุณผู้อ่านคลิกเข้าไปเยี่ยมชมนิตยสารแต่ละเล่มได้เลยค่ะ)
  • พัฒนาความรู้ ความสามารถและศักยภาพในการทำงานมากขึ้น จากเดิมนิสิตอาจไม่เคยรู้ว่าความสามารถของตนเองและเพื่อนในกลุ่มจะสามารถทำงานชิ้นนี้ให้ออกมาแตกต่างอย่างมีคุณค่าและประสบความสำเร็จได้อย่างไร นิสิตไม่เคยเขียน ไม่เคยลงโปรแกรม ไม่เคยต้องไปหาข้อมูลเก็บข้อมูลต่างๆ ด้วยตนเอง ไม่เคยรู้ว่ากว่าที่จะลงมือเขียนบทความซักหนึ่งเรื่อง ต้องหาข้อมูล หาแรงบันดาลใจ แล้วต้องลงมือเขียนๆ เกลาๆ ซักกี่รอบถึงจะเพียงพอ และอาจไม่เคยรู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว เมื่อนิสิตได้คิด ได้พยายาม ได้ลงมือทำ นิสิตก็มีความสามารถ นิสิตทำได้ และทำได้อย่างดีเยี่ยม นิสิตได้พาตัวเองก้าวออกจากกรอบความคิดเดิมๆ (#curve) ที่มีต่อตนเอง ได้ค้นพบและรับรู้ความสามารถของตนเองและเพื่อนในกลุ่มมากขึ้นในมุมที่ไม่เคยเห็นหรือเคยรับรู้มาก่อน
  • พัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม ได้เรียนรู้การลงมาคลุกชีวิตร่วมกัน (#mash)ในกลุ่มซึ่งนิสิตไม่ได้เลือกเอง แม้ในระยะแรกๆ จะมีเสียงบ่นต่อว่าต่อขานกันมากมาย แต่ท้ายสุดนิสิตก็ได้เรียนรู้ว่าในการทำงานกับกลุ่มที่เราไม่คุ้นเคย (ซึ่งในชีวิตจริงนิสิตต้องได้พบเจอแน่นอนนั้น) จะต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้งานที่ได้รับมอบหมายนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ นอกจากนั้นนิสิตยังได้รู้ว่า การทำงานกลุ่มนั้น ไม่ใช่แค่นิสิตต้องทำในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบเท่านั้น แต่จำเป็นต้องช่วยเหลือและเกื้อกูลเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ เพื่อให้งานในภาพรวมออกมาดีที่สุด นิสิตหลายคนเห็นเพื่อนเหนัก ก็อาสาช่วยเพื่อน นิสิตบางคนเห็นเพื่อนเก่งทำนู้นนี่ได้ ก็ทดลองฝึกหัดทำหัดเรียนรู้มั่งจนตัวเองทำได้ในที่สุด ซึ่งอาจารย์ดีใจมากที่ลูกศิษย์แต่ละคนได้รับการพัฒนาจากการทำงานเป็นทีมเช่นนี้
  • พัฒนาทักษะในการเข้าถึง สืบค้น เลือกและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการทำงานกลุ่มร่วมกันได้อย่างหลากหลาย ลื่นไหล เนื่องจากสมาชิกในแต่ละกลุ่มบ้านอยู่ห่างกันคนละทิศ อีกทั้งเวลาตารางการทำงานของแต่ละคนก็ไม่ตรงกัน แต่การใช้ group ใน Facebook หรือ Skype เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น ให้ข้อเสนอแนะ และติดตามความก้าวหน้าของกันและกันอย่างกับแฟนพันธุ์แท้นี้ ช่วยนิสิตได้มากสุดๆ นอกเหนือจากนั้นนิสิตยังได้เรียนรู้ที่จะขยับ (#move) จากการเป็นผู้รับ ซึ่งหยิบยืมสาระความรู้ที่เผยแพร่ไว้มาใช้เพื่อเป็นแนวทางในการทำงาน แต่เปลี่ยนสถานะเป็นผู้ให้ ผู้แบ่งปันสาระความรู้ และข้อคิดดีๆ ที่ตนได้รับออกไปให้กับผู้คนในสังคมผ่านทาง YouTube และ Blog อีกด้วย
  • ได้เรียนรู้จากประสบการณ์นอกห้องเรียน ในการไปสัมภาษณ์และเก็บข้อมูลจากบุคคลและสถานที่จริงว่า ทุกชีวิตล้วนมีคุณค่า และมีความแตกต่าง ซึ่งนอกเหนือจากที่นิสิตได้เรียนรู้ถึงธีคิด มุมมอง ในการดำเนินชีวิตและการทำงานของเค้าเหล่านั้นแล้ว นิสิตยังต้องนำคุณค่าเหล่านั้นออกมาถ่ายทอดให้กับผู้อ่านได้รับรู้ เรียนรู้ และก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจต่อผู้อ่านได้ในที่สุด ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า นักเขียนฝึกหัดของอาจารย์สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ (#amaz)
  • เป็นวัยรุ่นที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ดียิ่งขึ้น เพราะกว่าจะทำงานให้ออกมาเสร็จได้แต่ละหน้าแต่ละตอนนั้น นิสิตต้องได้ยินเสียงบ่นว่า เสียงจิกกัด เสียงหัวเราะ ได้พบกับความเงียบแบบมาคุ หยาดเหงื่อ รอยยิ้ม รอยเหี่ยวย่น ขอบตาคล้ำ หิวโซ พุงกาง สารพัดอารมณ์ความรู้สึก (#emos) ที่ได้รับจากกันและกัน นิสิตจึงต้องเรียนรู้ที่จะยืดหยุ่นและปรับตัวเพื่อจะให้ปัญหาและอุปสรรคที่พบเจอในแต่ละเวลานาทีผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น ทะเลาะกัน รักกัน และให้อภัยกันมากขึ้น 
สุดท้าย อาจารย์หวังใจว่า นิสิตที่รักของอาจารย์จะเป็นให้ได้ "มากกว่า" (#more than) ที่คิดว่าตัวเองเป็นได้ ดังเช่น พี่เหน่ง ชายพิการผู้ให้ข้อคิดว่า "ถ้ามัวแต่คิดว่าตัวเองพิการแล้วจะทำอะไรได้ เพียงแค่ใจสู้บวกกับความพยายาม ความพิการก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอีกต่อไป" (#อารัญ) ขอให้นิสิตประสบความสำเร็จในทุกเรื่องที่สู้และเพียรพยายาม

ป.ล. ข้อมูลจากการเขียนในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งได้รวบรวมมาจากการสัมภาษณ์นิสิตทุกคน และจากการอ่านบล็อกที่นิสิตแต่ละคนได้เขียนถ่ายทอดไว้ ขอขอบคุณนิสิตสาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา รุ่น 15 ภาควิชาเทคโนโลยีทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ